ตัวอย่างขอบเขตการให้คำปรึกษางานบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล
Proposal
แนวทางการพัฒนาระบบการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล
บริษัท XXXXXXXXXX จำกัด
ตามที่ได้เรียนสอบถามประเด็นการบริหารและพัฒนางานทรัพยากรบุคคลกับ คุณXXXX XXXXXX กรรมการผู้จัดการ บริษัท XXXXXXXXX จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลังคาเมทัลชีท และจำหน่ายเหล็กก่อสร้างทุกชนิด เมื่อวันเสาร์ที่ XX มกราคม 25XX ปัจจุบันบริษัทฯ มีพนักงาน XXX ท่าน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีบริษัทในธุรกิจเดียวกันตั้งอยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดภูเก็ต
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีนโยบายต้องการที่จัดระบบการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจในปัจจุบันและในอนาคต โดยต้องการเริ่มการจัดะบบการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่ บริษัท XXXXXXXXXX จำกัด เป็นลำดับแรก จากนั้นจึงจะขยายระบบฯ ดังกล่าวไปสู่บริษัทสาขาต่อไป
จากประเด็นดังกล่าวข้างต้น ทาง บริษัท เอชอาร์ดี บริดจ์ฯ จึงขอเสนอแนวทางการจัดทำระบบการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลในภาพรวม เพื่อรองรับการเติบโตขององค์กรและบุคลกรในอนาคต ดังนี้
|
กิจกรรมที่ปรึกษา
|
วัตถุประสงค์
|
- การทบทวน/การจัดทำข้อบังคับการทำงาน (สำหรับองค์กรที่มีพนักงาน 10 คนขึ้นไป) ประกอบไปด้วย
- วันทำงาน เวลาทำงานปกติและเวลาพัก
- วันหยุดและหลักเกณฑ์ การหยุด
- หลักเกณฑ์การทำงาน ล่วงเวลาและการทำงานในวันหยุด
- วันและสถานที่จ่าย ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด
- วันลาและหลักเกณฑ์ การลา
- วินัยและโทษทางวินัย
- การร้องทุกข์
- การเลิกจ้าง ค่าชดเชย และค่าชดเชยพิเศษ
|
- เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อบังคับการทำงานและสวัสดิการตามกฎหมายมีการปฏิบัติตามที่กฎหมายคุ้มครองแรงงาน (พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน 2541) กำหนดไว้
|
|
2.การทบทวน/การจัดทำโครงสร้างองค์กร/โครงสร้างตำแหน่งงานและระดับพนักงาน
|
- เพื่อความชัดเจนในการกำหนดภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ บทบาทการทำงาน
- เห็นภาพรวมของอัตรากำลังคน (ตำแหน่งงาน)ปัจจุบัน และใช้วางแผนการทดแทน/ขยายอัตรากำลังคนในอนาคต
- เห็นภาพสายการบริหารงานและสายการบังคับบัญชาของแต่ละหน่วยงาน
- ได้อย่างชัดเจน
- ช่วยให้บุคคลหรือหน่วยงานภายนอกเห็นภาพรวมขององค์กร
|
|
3.การจัดทำใบกำหนดหน้าที่งาน (Job Description : JD)
- ทบทวนขอบเขต บทบาท หน้าที่ ความรับผิดชอบ รายละเอียดและเป้าหมายของงาน
- กำหนดคุณสมบัติของตำแหน่งงาน (Job Specification)
|
1.ผู้ปฏิบัติงานทราบถึงบทบาท หน้าที่ ความรับผิดชอบ และเป้าหมายการทำงาน
2. ใช้เป็นเครื่องมือในเรื่องดังต่อไปนี้
- การสรรหาว่าจ้างพนักงาน
- การประเมินค่างาน เพื่อกำหนดหรือเปรียบเทียบอัตราค่าจ้าง/เงินเดือนและ ผลประโยชน์ตอบแทนต่างๆ
|
|
4.การกำหนดความรู้ความสามารถ (Competency) (บางส่วนนำไปรวมกับ JD) และการจัดทำตารางทักษะการทำงาน (Skill Matrix(SM)) ในแต่ละตำแหน่งงาน
- กำหนดระดับความรู้ความสามารถในแต่ละงาน
- ประเมินความสามารถพนักงานเปรียบเทียบกับความสามารถที่องค์กรคาดหวัง
- จัดทำแผนการฝึกอบรม/พัฒนาบุคลากร
|
ใช้เป็นเครื่องมือในเรื่องดังต่อไปนี้
- การสรรหาว่าจ้างพนักงาน
- การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง การโอนย้ายงาน การขยายงาน
- การฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร
- การวางแผนความก้าวหน้าในสายอาชีพงาน (Career Path & Career Development)
- การประเมินผลงาน (Performance Appraisal)
- การทำ Coaching & Mentoring
- การประเมินงานเพื่อความปลอดภัย
|
|
5.การจัดทำตัวชี้วัดเพื่อความสำเร็จของงาน (KPIs)
- ระดับองค์กร
- ระดับหน่วยงาน
- ระดับบุคคล (บางส่วนระบุไว้ใน JD)
|
- ใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินผลการทำงานของพนักงาน และหน่วยงาน และองค์กร
- มีกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน และสามารถเปรียบเทียบผลงานกับเป้าหมายได้ง่าย
- เป็นรูปธรรมจับต้องได้
- ลดการใช้ดุลยพินิจของผู้ประเมินฯ
|
|
6.การทบทวน/จัดทำโครงสร้างเงินเดือน และผลประโยชน์ตอบแทนต่างๆ
หมายเหตุ : รวมถึงการทบทวนสวัสดิการที่บริษัทฯ จัดให้กับพนักงาน
|
- มีมาตรฐานในการกำหนดอัตราค่าจ้างเงินเดือนพนักงานตามระดับพนักงาน/ตำแหน่งงาน
- ใช้เปรียบเทียบกับผลสำรวจค่าจ้างเงินเดือน และผลประโยชน์ตอบแทนภายนอกองค์กร (รู้สถานะปัจจุบัน)
- ใช้เป็นเครื่องมือในการปรับปรุงโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับตลาดแรงงาน
- ใช้เป็นเครื่องมือจูงใจในการสรรหาว่าจ้างพนักงานใหม่และรักษาพนักงานปัจจุบัน
|
|
7.การทบทวนและกำหนดขั้นตอนการทำงาน HR และแบบฟอร์มที่ใช้ในงาน
|
- กำหนดให้งาน HR ภาพรวม เช่น งานจัดทำเงินเดือน งานประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน เป็นต้น อยู่ที่ส่วนกลาง (HR Centralized)
- ลดภาระงานของผู้จัดการสาขา
- เพื่อให้ผู้ปฎิบัติงาน HR และผู้ใช้บริการ ทราบถึงแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับงาน HR
- และมีการปฏิบัติเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ตั้งแต่ การสรรหาว่าจ้าง การฝึกอบรมพัฒนา
- สวัสดิการ การประเมินผลการทำงาน การโอนย้ายงาน การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง และระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
- เกิดความชัดเจนในการทำงาน
- สามารถตรวจสอบการทำงานได้
|
|
8. งานอื่นๆ ตามที่ผู้ว่าจ้างร้องขอฯ (ถ้ามี)
8.1 การจัดทำเอกสารการทำงาน (นำระบบ ISO9000 มาประยุกต์ใช้ในการจัดทำและควบคุมเอกสาร เอกสารวิธีปฏิบัติ (Procedure Manual) เอกสารคำสั่งงาน (Work Instruction) แบบฟอร์ม (Forms) และมาตรฐานต่างๆ (Spec., Standard)
|
- เพื่อให้การปฏิบัติงานในปัจจุบันเป็นมาตรฐานเดียวกัน
- ผู้ปฏิบัติงานทราบและเข้าใจว่าควรทําอะไรก่อนและหลัง
- ผู้ปฏิบัติงานทราบว่าควรปฏิบัติงานอย่างไร เมื่อใดกับใคร
- เพื่อให้การปฏิบัติงานสอดคล้องกับนโยบาย วิสัยทัศน์ ภารกิจ และเป้าหมายขององค์กร
- เพื่อให้ผู้บริหารติดตามงานได้ทุกขั้นตอน
- เป็นเครื่องมือในการฝึกอบรม
- ใช้เป็นเอกสารอ้างอิงในการทํางาน
|
|
8.2 นำกิจกรรม 5 ส. มาดำเนินในการปรับปรุงพัฒนาสถานที่และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
|
- พัฒนาปรับปรุงสถานที่และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
- ลดอุบัติเหตุจากการทำงาน
- เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- สร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กร
|
|
8.3 งานความปลอดภัยในการทำงาน
|
- เพื่อให้มั่นใจได้ว่าองค์กรได้มีการปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่น การตรวจสอบเครน การตรวจสอบระบบไฟฟ้าประจำปี การจัดอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE) เป็นต้น
|
อัตราค่าบริการและเงื่อนไขการให้บริการ
- อัตราค่าบริการ : เดือนละ XX,XXX บาท/เดือน (ไม่รวม VAT 7%) ไม่รวมค่าเดินทาง ค่าที่พัก กรณีการทำงานในต่างจังหวัด
- วันทำงาน : X วัน/เดือน (ทุกวันเสาร์ที่ X และ XX ของเดือน) หรือตามที่ผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างตกลงกัน
- สถานที่ปฏิบัติงาน : ณ บริษัทผู้ว่าจ้าง รวมถึงสาขาของผู้ว่าจ้างในต่างจังหวัด
- กรณีมีวันทำงานเพิ่มจากวันทำงานที่กำหนดข้างต้น คิดค่าบริการเพิ่มวันละ XX,XXX บาท
- เวลาทำงาน :09.00 – 16.00 น.
- กำหนดระยะเวลาจ้าง : XX เดือน (กุมภาพันธ์ – เมษายน 25XX) หรือตามที่ผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างตกลงกัน
- หมายเหตุ : 1.นอกจากวันทำงานตามข้อ 2 แล้ว ผู้ว่าจ้างสามารถติดต่อขอคำปรึกษาแนะนำการปรับปรุงพัฒนาระบบงาน HR กับผู้รับจ้างได้ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ e-mail, Line, Zoom หรือ App อื่นๆ เป็นต้น
******************
